วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2533
การรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทย (พ.ศ.2434 - 2468)
โดย กิติรัตน์ สีหบัณฑ์
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:114159
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้เป็นการศึกษาการดำเนินการรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทย ระหว่างปี พ.ศ.2434 – 2468 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการศึกษาถึงมูลเหตุและปัจจัยที่มีต่อการรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทย รูปแบบและวิธีการรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทย และท้ายสุดคือ ปัญหาและผลกระทบของกระบวนการรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทย การรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทยได้แบ่งระยะการศึกษาออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรก ระหว่างปี พ.ศ. 2434-2450 และช่วงที่สองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2451-2468
ในด้านวิธีการศึกษา เป็นการศึกษาตามวิธีการทางประวัติศาสตร์ เสนอรายงานในเชิงพรรณนาวิเคราะห์ ทั้งนี้โดยอาศัยการอันกว้าข้อมูล 3 ประเภท คือ เอกสารทางราชการ อันได้แก่ เอกสารในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ในสมัยรัชกาลที่ 5-6 และที่ตีพิมพ์เป็นหนังสือแล้วรวมไปถึงพระราชบัญญัติ และแถลงการณ์คณะสงฆ์ เอกสารประเภทงานเขียนและวิทยานิพนธ์ และท้ายสุดคือ เอกสารท้องถิ่น อันได้แก่ ตำนานเมือง ประวัติวัด ประวัติพระสงฆ์ในภาคอีสาน
จากการศึกษาพบว่า ก่อนหน้าที่จะมีการรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทย ในปีพ.ศ. 2434 คณะสงฆ์อีสานค่อนข้างอยู่อย่างเอกเทศจากการปกครองของคณะสงฆ์ไทยยกเว้นบริเวณเมืองนครราชสีมา ทั้งนี้เพราะในสมัยโบราณหัวเมืองอีสานมีความสัมพันธ์กับกรุงเทพน้อยมาก นับแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 และหลังเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์ พ.ศ. 2368 ราชสำนักกรุงเทพได้ให้ความสนใจที่จะปกครองหัวเมืองอีสานมากยิ่งขึ้น ทำให้มีการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างหัวเมืองอีสานกับกรุงเทพเป็นไปอย่างใกล้ชิดทำให้มีพระสงฆ์ในหัวเมืองอีสานเดินทางเข้าไปศึกษาเล่าเรียนในกรุงเทพ ทั้งในสำนักธรรมยุติและมหานิกาย และการกลับมาของพระสงฆ์ที่ผ่านการศึกษาจากกรุงเทพทำให้มีการนำจารีตการศึกษาของกรุงเทพเข้ามาจัดในหัวเมืองอีสาน อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบต่อการจัดรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ในหัวเมืองอีสานให้เข้ามาไว้ภายใต้การปกครองของคณะสงฆ์ไทยน้อยมาก
สำหรับมูลเหตุที่ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2434 เป็นต้นมา กล่าวได้ว่ามีมูลเหตุที่สำคัญ 3 ประการคือ ปัญหาภัยคุกคามของจักรวรรดินิยมตะวันตก และความต้องการใช้พระสงฆ์ในท้องถิ่นจัดการศึกษาในหัวเมืองอีสาน นับเป็นมูลเหตุระยะสั้น ในขณะที่ความต้องการสร้างคณะสงฆ์แห่งชาติที่มีแบบแผนเดียวกัน นับเป็นมูลเหตุสืบเนื่องในระยะยาว
การรวมคณะสงฆ์อีสานได้เข้ากับคณะสงฆ์ไทย ในช่วงแรกตั้งแต่ พ.ศ. 2434-2450 คณะสงฆ์ไทยได้เข้าไปจัดรวมคณะสงฆ์ในบริเวณอีสานตอนใต้และกลางในมณฑลอีสานและมณฑลนครราชสีมา เริ่มด้วยการแต่งตั้งพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย เข้าไปจัดการปกครองคณะสงฆ์ในท้องที่เมืองอุบลราชธานีและเมืองจำปาศักดิ์ ระหว่างปี พ.ศ. 2434-2441 ต่อมาจึงขยายเข้าไปจัดการปกครองคณะสงฆ์ขึ้นทั้ง 2 มณฑล การรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทยในช่วงดังกล่าวได้แก่ การวางระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ตามแบบกรุงเทพขึ้นใหม่ การออกกฎหมายและระเบียบเพื่อควบคุมพระสงฆ์ การดำเนินการยกเลิกลัทธิธรรมเนียมดั้งเดิมบางอย่างของพระสงฆ์อีสาน การดำเนินการรวมคณะสงฆ์ในมณฑลอีสานและมณฑลนครราชสีมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2434 จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2450 ได้ส่งผลให้คณะสงฆ์ไทยสามารถดึงเอาพระสงฆ์อีสานในบริเวณดังกล่าวไว้ในอำนาจการปกครองเป็นผลสำเร็จ
การรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทยในช่วงที่สอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2451 - 2468 คณะสงฆ์ไทยได้เข้าไปจัดการปกครองคณะสงฆ์ในภาคอีสานตอนเหนือบริเวณมณฑลอุดร มูลเหตุที่ทำให้การจัดการปกครองคณะสงฆ์ในมณฑลอุดรล่าช้า ทั้งนี้เพราะมณฑลอุดรห่างไกลจากกรุงเทพมากเมื่อเปรียบเทียบระยะทางจากมณฑลอีสานหรือนครราชสีมาไปยังกรุงเทพ และจากการที่มีพระสงฆ์ในมณฑลนี้น้อยมากที่เดินทางเข้าไปศึกษาในกรุงเทพ ทำให้คณะสงฆ์ไทยไม่สามารถคัดเลือกพระสงฆ์ในท้องถิ่นให้เป็นตัวแทนออกมาจัดการปกครองคณะสงฆ์ในมณฑลนี้พร้อมกับมณฑลอื่นๆ ได้ และด้วยมูลเหตุที่กล่าวมา ทำให้การจัดการปกครองคณะสงฆ์ในมณฑลนี้ล่าช้า และเมื่อส่งเจ้าคณะมณฑลจากกรุงเทพออกมาจัดการปกครองคณะสงฆ์ ก็ไม่สามารถจัดการปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกระทั่งปี พ.ศ.2466 เมื่อคณะสงฆ์ไทยส่งพระครูสังฆวุฒิกร (จูม พนฺธุโล) พระสงฆ์ธรรมยุติกนิกายมณฑลอุดรที่เข้าไปศึกษาในกรุงเทพ ให้กลับออกมาเป็นผู้ช่วยเจ้าคณะมณฑลและเจ้าคณะมณฑลอุดรตามลำดับ จึงทำให้การจัดการปกครองคณะสงฆ์ในช่วงดังกล่าว รวมไปถึงการนำเอาระบบการศึกษา “นักธรรม” ของพระสงฆ์ในส่วนกลาง เข้ามาจัดให้กับพระสงฆ์ในหัวเมืองอีสานที่ได้รับความสำเร็จค่อนข้างมาก และมีผลให้องค์กรการบริหารคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุกตินิภายใต้อำนาจการปกครองคณะสงฆ์ในภาคอีสานทั้งหมดในปี พ.ศ. 2468
นอกเหนือจากการศึกษาปัจจัย มูลเหตุ และกระบวนการรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทยแต่ละช่วงดังที่กล่าวมา จากการศึกษาในวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ยังพบว่า ในกระบวนการรวมคณะสงฆ์ได้ประสบปัญหาที่สำคัญคือ ปัญหาความขัดแย้งในองค์กรการบริหารคณะสงฆ์ระหว่างเจ้าคณะมณฑลกับเจ้าคณะชั้นรองลงมา ที่ทำให้พระสงฆ์บางรูปที่ไม่พอใจ ถือโอการเข้าร่วมในเหตุการณ์กบฏผู้มีบุญปี พ.ศ. 2444-2445 ปัญหาความขัดแย้งระหว่างธรรมยุตินละมหานิกาย ปัญหากลุ่มพระสงฆ์สายวิปัสสนาธุระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่เป็นอุปสรรคในการจัดการศึกษา เหล่านี้ทำให้การรวมคณะสงฆ์เข้ากับคณะสงฆ์ไทยไม่ราบรื่นมากนัก อย่างไรก็ตามผู้บริหารคณะสงฆ์ไทยและตัวแทนที่ออกมาจัดการในหัวเมืองอีสาน ก็พยายามที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว ทำให้การรวบรวมคณะสงฆ์อีสานเข้ากับคณะสงฆ์ไทยได้รับความสำเร็จในช่วงที่ทำการศึกษา