วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2534
พัฒนาการของกิจการไฟฟ้าในประเทศไทยระหว่างปีพ.ศ. 2472-2488
โดย วิภารัตน์ ดีอ่อง
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:110929

บทคัดย่อ

          วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ มีจุดมุ่งหมายที่จะอธิบายพัฒนาการของกิจการไฟฟ้าในประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2427-2488 โดยมีกรอบการอธิบายถึงผู้ดำเนินการกิจการไฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลา ปัจจัยที่นำไปสู่การจัดตั้งกิจการไฟฟ้า การดำเนินงาน การจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและกลุ่มผู้บริโภครวมทั้งบัญหาที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน นอกจากนี้ ได้อธิบายถึงอิทธิพลของไฟฟ้าที่มีต่อสังคมไทย ดังแสดงให้เห็นวิวัฒนาการรูปแบบการใช้ประโยชน์จากไฟฟ้าด้วย
          จากการศึกษาพบว่า การจัดตั้งกิจการไฟฟ้าในสังคมไทยเป็นครั้งแรกนี้ เป็นความพยายามของชนชั้นนำไทย ในรูปบริษัทเอกชนที่ร่วมหุ้นกัน อันเป็นรูปแบบการลงทุนทางเศรษฐกิจแบบใหม่ที่เกิดขึ้น ภายหลังการเซ็นสนธิสัญญาเบาริ่ง การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้ายังมาจากกระแสความนิยมของชนชั้นนำไทย ที่ให้ความสนใจต่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ที่โลกตะวันตกได้ค้นพบ และนำไปใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ซึ่งวิทยาการเหล่านี้ได้แพร่หลายเข้ามายังสังคมไทยโดยบทบาทของหมอสอนศาสนา พ่อค้า และนักผจญภัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการขาดความรู้และความชำนาญในการจัดทำธุรกิจ และความรู้ด้านเทคโนโลยี จึงทำให้กิจการไฟฟ้าของชนชั้นนำไทยประสบความล้มเหลว อันเป็นผลทำให้ผู้นำไทยมีทัศนคติต่อไฟฟ้าระยะแรกในด้านลบ และไม่สนใจที่จะให้รัฐบาลลงทุนในกิจการไฟฟ้า เช่น กิจการโทรเลข รถราง และรถไฟเพราะเห็นว่าเป็นการลงทุนที่สูงไม่คุ้มกับกำไร อีกทั้งกิจการไฟฟ้าก็ยังไม่เป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของชาติ เป็นเพียงบริการสาธารณูปโภคต่อประชาชนเท่านั้น ในที่สุดรัฐบาลเปิดโอกาสให้กลุ่มชาวตะวันตก ซึ่งเป็นชาวเดนมาร์ก เข้ารับช่วงดำเนินกิจการไฟฟ้าในระยะต่อมา กิจการไฟฟ้าภายใต้การดำเนินงานของชาวเดนมาร์กนี้ เป็นกลุ่มที่สามารถบริหารกิจการไฟฟ้าให้ประสบความสำเร็จ และขยายบริการออกไปได้อย่างกว้างขวางในเขตกรุงเทพฯ รวมทั้งเป็นกิจการหนึ่งที่มีกำไรจากการดำเนินงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ทัศนคติของผู้นำไทยเริ่มเปลี่ยนแบลง โดยมองเห็นว่ากิจการไฟฟ้าจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ และมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตสมัยใหม่ รัฐจึงได้ลงทุนจัดตั้งกิจการไฟฟ้าของตนเองขึ้นเอง และบริหารเอง โดยเปิดดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้ามาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2457 โดยมีการแบ่งพื้นที่การจำหน่ายไฟฟ้ากัน ระหว่างกิจการไฟฟ้าของรัฐและกิจการไฟฟ้าของตะวันตก ซึ่งกิจการไฟฟ้าของรัฐก็ประสบกับบปัญหาในบางส่วน เช่น ขาดบุคลากรชำนาญการ ขาดแคลนเชื้อเพลิง ฯลฯ แต่ก็สามารถดำเนินการไปได้ด้วยดี จนกระทั่งในปลายทศวรรษที่ 2460 ได้มีการจัดตั้งกิจการไฟฟ้าขึ้นในส่วนภูมิภาคหลายแห่ง และขยายตัวอย่างมากในทศวรรษที่ 2470 อันเนื่องมาจาก กิจการไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่กลุ่มเอกชนเล็งเห็นว่า สามารถทำกำไรได้เป็นจำนวนมาก จึงมีการขอสัมปทานจากรัฐบาลกลางในการจัดทำกิจการไฟฟ้าในจังหวัดต่าง ๆ หลายแห่ง
           ในด้านรูปแบบการใช้ประโยชน์จากไฟฟ้าในสังคมไทย ได้เริ่มต้นจากการใช้เพื่อแสงสว่าง และมีการนำผลผลิตด้านอื่นๆ ของไฟฟ้า ในด้านการสื่อสารและคมนาคมเข้ามาใช้ในไทยด้วย นั่นก็คือ โทรเลข โทรศัพท์ และรถราง ต่อจากนั้น พลังงานไฟฟ้ายังได้ถูกใช้ในสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงอีกด้วย นอกจากนี้ ยังนำไปใช้ในการเดินเครื่องจักรของกิจการอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วย อันนับเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตของหนึ่งในสังคมไทย รวมทั้งกิจการไฟฟ้ายังกลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของรัฐบาล ในลักษณะรัฐ พาณิชย์ ซึ่งหลังจากปีพ.ศ. 2488 อันเป็นปีที่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว กิจการในฟ้าในกรุงเทพฯ ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลทั้งหมดในปีพ.ศ. 2493
           อิทธิพลของไฟฟ้าได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตของคนในสังคมไทยนับตั้งแต่การเปลี่ยนอุปกรณ์การให้แสงสว่างจากอุปกรณ์แบบเดิมที่เคยใช้อยู่ อาทิ โคม ตะเกียง เทียนไข ไปสู่พลังงานแสงสว่างที่ได้จากไฟฟ้า ทำให้เกิดความสะดวกแก่ผู้ใช้และเพิ่มระยะเวลาในการดำเนินชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้จากผลิตผลจากไฟฟ้าอันได้แก่โทรเลข โทรศัพท์นั้น ได้เป็นเทคโนโลยีที่สร้างความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารแก่รัฐและและประชาชนทั่วไปด้วย และในระยะต่อมาเมื่อมีการนำไฟฟ้าไปใช้ประโยชน์ในการเป็นพลังงานสำหรับกิจการอุตสาหกรรมต่าง ๆ นั้น ได้สั่งผลให้รูบแบบการผลิตเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก