วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2534
บทบาทของสมาคมศรีคุรุสิงห์สภาในสังคมไทย (พ.ศ.2475 - 2525)
โดย อินทิรา ซาฮีร์
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:114715

บทคัดย่อ

          ในรัฐประชาชาติสมัยใหม่ กลุ่มชนที่มีอยู่ในรัฐประกอบด้วยชนหลายกลุ่มที่มีความแตกต่างกันทั้งทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา ภาษาและวัฒนธรรม โดยสภาพทางสังคมทำให้ชนเหล่านั้นต้องมีบฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน จึงเกิดการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ในขณะเดียวกันในกลุ่มชนนั้น ๆ ก็มีความพยายามที่จะรักษาลักษณะพิเศษทางวัฒนธรรมของตนไว้เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมของตนสู่อนุชน
          โดยนัยนี้ วัฒนธรรมจึงไม่เพียงแต่เป็นวิถีทางในการดำรงชีวิตที่สืบต่อกันมาเท่านั้น แต่วัฒนธรรมานบางแง่มุมยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของชนแต่ละกลุ่ม และทำให้กลุ่มชนนั้นมีความแตกต่างจากชนกลุ่มอื่น ๆ วัฒนธรรมของชนแต่ละกลุ่มอาจเกิดจากสภาพการดำรงชีวิต สิ่งแวดล้อมทางสังคมหรือความเชื่อทางศาสนาเป็นตัวกำหนดขอบเขต และวิถีทางในการประพฤติปฏิบัติตนของชนกลุ่มที่เป็นเจ้าของวัฒนธรรมนั้น
          ชาวสิกข์เป็นชนกลุ่มหนึ่งที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และสังคมไทยได้รับรู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของชนกลุ่มนี้ในสังคม เมื่อรัฐไทยเริ่มกระบวนการในการสร้างชาติและสร้างวัฒนธรรมแห่งชาติ ชนกลุ่มน้อยทั้งหลายในสังคมต่างถูกผนวกเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมให้เข้าสู่กระแสหลักของวัฒนธรรมแห่งชาติของรัฐไทยยุคใหม่
          สำหรับชาวสิกข์ ชนกลุ่มนี้ยังรักษารูปแบบทางวัฒนธรรมของตนที่สืบเนื่องมาจากความเชื่อทางศาสนาไว้ได้ ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากจำนวนของชาวสิกข์ที่ยังมีน้อยอยู่และมักตั้งหลักแหล่งอยู่ในเมือง ทำให้รัฐยังไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม อีกส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากการที่ชาวสิกข์ยอมรับอำนาจรัฐและขอบเขตที่รัฐกำหนดให้โดยการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีในสายตาของรัฐ
          การดำรงอยู่ในลักษณะ เดิมย่อมเป็นไปไม่ได้ เมื่อสังคมของชาวสิกข์มีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งในด้านประชากรและการขยายตัวของทุน ทำให้วงการค้าผ้าไม่สามารถรองรับความเติบโตดังกล่าวได้ ชาวสิกข์จึงต้องเริ่มก้าวออกมาสัมพันธ์กับสังคมไทยมากขึ้น การกระทำดังกล่าวนำใบสู่ความขัดแย้งในความเป็นตัวเองของชาวสิกข์
          เนื่องจากชาวสิกข์แม้จะเข้ามาสู่สังคมไทยนานแล้วและประพฤติตนตามข้อกำหนดของรัฐ แต่รัฐยังคงมองชาวสิกข์ในฐานะชนกลุ่มน้อยที่มีแบบแผนทางวัฒนธรรมแตกต่างไปจากรัฐในระดับหนึ่ง การมองโดยนัยนี้มีความสัมพันธ์กับการไม่ยอมรับในสิทธิของชาวสิกข์ในความเป็นคนไทยและนำไปสู่การเลือกปฏิบัติและกีดกันในรูปแบบต่าง ๆ ขณะเดียวกันสถานะของชนกลุ่มน้อยนำไปสู่ความคิดที่ว่า รัฐไทยมีชนกลุ่มใหญ่ที่มีแบบแผนทางวัฒนธรรม เชื้อชาติและศาสนาเดียวกัน ในขณะที่การแตกต่างทางวัฒนธรรมจากชนกลุ่มใหญ่แสดงถึงความด้อยกว่าของแบบแผนทางวัฒนธรรม
          แม้ว่าองค์กรของชาวสิกข์ทั้งสมาคมศรีคุรุสิงห์สภาและยุวสมาคมไทย-สิกข์ จะพยายามหาหนทางในการเสนอบทบาทและภาพลักษณ์ของชาวสิกข์ในฐานะของคนไทยที่นับถือศาสนาสิกข์ แต่สิ่งเหล่านี้ได้รับการยอมรับในระดับหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะในสังคมไทยปัจจุบันที่ถูกหล่อหลอม ด้วยมายาภาพของความเป็นชาติที่สืบเชื้อสายเดียวกันมาและมีแบบแผนทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์แบบไทย ๆ การยอมรับความแตกต่างของชนกลุ่มอื่นในสังคมคงเป็นไปได้ยาก