วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2537
ภาพลักษณ์ท้าวสุรนารีในประวัติศาสตร์ไทย
โดย สายพิน แก้วงามประเสริฐ
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:111107
บทคัดย่อ
ภาพลักษณ์ของคุณหญิงโมในปัจจุบันอยู่ในฐานะ "วีรสตรี" แห่งชาติ โดยมีอนุสาวรีย์เป็นหลักฐานที่ยืนยันความชอบธรรมของฐานะนี้ ตลอดจนการผลิตซ้ำของงานเขียนที่กล่าวถึงวีรกรรมของคุณหญิงโม โดยเฉพาะงานเขียนหรือพระนิพนธ์ที่ให้ความสำคัญกับบทบาทการต่อสู้ที่นำโดยคุณหญิงโมเป็นพิเศษ ซึ่งการผลิตซ้ำของงานเขียนเหล่านี้มีเงื่อนไขขึ้นอยู่กับบริบททางการเมืองที่รัฐต้องการใช้ประโยชน์จากวีรกรรมของคุณหญิงโม
การปรากฏตัวของอนุสาวรีย์คุณหญิงโม เมื่อ พ.ศ. 2477 เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์กบฏบวรเดช เมื่อ พ.ศ. 2476 เนื่องจากระหว่างเหตุการณ์นี้เมืองนครราชสีมาเป็นฐานที่ตั้งของฝ่ายกบฏ ดังนั้นหลังกบฏ ผู้นำท้องถิ่นจึงจำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์ของเมืองให้อยู่ในฐานะเมืองของผู้ที่จงรักภักดีต่ออำนาจรัฐที่ส่วนกลาง ผู้นำท้องถิ่นจึงคิดที่จะสร้างอนุสาวรีย์ของคุณหญิงโมขึ้นเพื่อยืนยันถึงความจงรักภักดีของเมืองนครราชสีมาที่มีต่อกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันเหตุการณ์นี้ก็ทำให้รัฐตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับท้องถิ่น รัฐจึงต้องอนุมัติให้สร้างและให้ความสนับสนุนการก่อสร้างจนอนุสาวรีย์นี้เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 3-4เดือน แสดงถึงความจำเป็นอันเร่งด่วนของท้องถิ่นและรัฐที่ต้องการให้อนุสาวรีย์นี้ปรากฏตัว นอกจากนี้ด้วยเหตุที่อนุสาวรีย์เป็นงานศิลปะที่มีความคิดที่ผู้สร้างต้องการจะสื่อสารกับผู้พบเห็นอยู่ด้วย “สาร” ที่อนุสาวรีย์นี้ต้องการจะสื่อจึงปรากฏให้เห็นในรูปลักษณ์ของอนุสาวรีย์ เช่น ความคิดเกี่ยวกับฐานะที่เท่าเทียมกันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กับระบอบประชาธิปไตย และการสร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาลด้วยการบลุกความคิดชาตินิยมให้เกิดขึ้นกับประชาชน
เมื่ออนุสาวรีย์ของคุณหญิง โมเกิดขึ้นแล้ว ทำให้มีงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น และวีรกรรมถูกทำให้มีความกล้าหาญมากยิ่งขึ้น อีกทั้งรัฐบาลโดยเฉพาะในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีส่วนผลิตวาทกรรมเรื่องคุณหญิงโมเพื่อรับใช้อุดมการของรัฐทำให้ภาพลักษณ์ของคุณหญิงโมอยู่ในฐานะวีรสตรีแห่งชาติ ซึ่งเป็นฐานะที่มีความมั่นคงมาก แม้ภายหลังจะมีงานเขียนที่ท้าทายความมีตัวตนของวีรกรรมคุณหญิงโมเกิดขึ้นแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถทำให้ฐานะความเป็นวีรสตรีของคุณหญิงโมสั่นคลอนลงได้ สื่อให้เห็นว่ากระบวนการผลิตซ้ำวาทกรรมปฏิบัติต่อคุณหญิงโมประหนึ่ง “เทพ” หรือ “เทพารักษ์” ประจำเมืองมากกว่า ที่จะเป็น “วีรสตรี” แห่งชาติ อย่างไรก็ดีฐานะใหม่นี้ก็มีส่วนเสริมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวีรกรรมคุณหญิงโมได้เช่นกันเนื่องจากประชาชนจำนวนมากที่มุ่งสัมผัสกับอนุสาวรีย์คุณหญิงโมด้วยการมาเคารพบูชา บนบานศาลกล่าว พลอยได้มีโอกาสรับรู้ “สาร” ที่อนุสาวรีย์นี้ต้องการจะสื่อออกมา
การที่รัฐและท้องถิ่นต่างเห็นความจำเป็นของการสร้างของอนุสาวรีย์คุณหญิงโมแสดงนัยยะว่า วีรกรรมคุณหญิงโมคงเป็นที่รับรู้กันอยู่พอสมควรก่อน พ.ศ. 2477 แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นกรรมนี้ ยังถูกผลิตขึ้นจากบุคคลสำคัญของรัฐ ก่อนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คือสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แสดงให้เห็นว่าสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์รัฐได้นำเอาวีรกรรมของคุณหญิงโมมารับใช้อุดมการทางการเมืองของรัฐ โดยเฉพาะความพยายามจะสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างส่วนกลางกับหัวเมืองภาคอีสาน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าตัวตนของวีรกรรมคุณหญิงโม ปรากฏตัวครั้งแรก เมื่อพ.ศ. 2412 สมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งที่วีรกรรมของคุณหญิงโมในคราวกบฏเจ้าอนุวงศ์ พ.ศ. 2369 นั้นในเอกสารร่วมสมัยกับเหตุการณ์นี้ไม่ได้กล่าวถึงเลย แต่เมื่อเรื่องวีรกรรมของคุณหญิงโมถูกผลิตขึ้นในสมัยรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทำให้น่าเชื่อว่าวีรกรรมนี้ถูกนำมารับใช้แนวคิดและอุดมการของรัฐเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการปลูกฝังความรู้สึกรักชาติให้เกิดแก่ประชาชน