วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2542
ความสำคัญทางเศรษฐกิจของจันทบุรีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
โดย ปรารถนา ศรีวิศาลศักดิ์
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:117806
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์เรื่อง “ความสำคัญทางเศรษฐกิจของจันทบุรีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2” มุ่งอธิบายให้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของจันทบุรีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการค้า การผลิตและกลุ่มคนในท้องถิ่นที่มีต่อฐานะการเป็นเมืองท่าการค้าของจันทบุรี ตั้งแต่สมัยธนบุรีจนถึงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภายในจันทบุรีทั้งในทางการค้า การผลิต รวมทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่มีต่อการขยายตัวของชุมชน
ผลจากการศึกษาพบว่า การค้าภายในระหว่างจันทบุรีกับดินแดนตอนในสัมพันธ์กับเส้นทางการค้าทางบก 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางระหว่างจันทบุรีกับดินแดนตอนในของเขมร เส้นทางระหว่างปราจีนบุรีกับดินแดนตอนในของเขมร และเส้นทางระหว่างจันทบุรี ปราจีนบุรี กับภาคอีสานตอนล่าง การค้าระหว่างจันทบุรี ปราจีนบุรี และดินแดนตอนในของเขมรเกี่ยวพันโดยตรงกับการลำเลียงสินค้าเครื่องเทศและของป่าจากเขมรและญวนเพื่อบรรทุกลงเรือสำเภาจากจันทบุรีไปจำหน่ายยังจีน ส่วนการค้ากับพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างจันทบุรีเป็นผลมาจากการขยายตัวของพื้นที่เพาะปลูกข้าวเพื่อการส่งออกในแถบลุ่มแม่น้ำบางปะกงในช่วงหลังสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง ทำให้มีกลุ่มพ่อค้าเร่นำสัตว์พาหนะประเภทโค กระบือจากพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างมาจำหน่ายในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำบางปะกง รวมทั้งจันทบุรีด้วย ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการขยายตัวของการค้าภายในในจันทบุรี ได้แก่ การเปิดบ่อพลอยไพลินในพระตะบองและบ่อพลอยอื่น ๆ ในบริเวณจันทบุรีและตราดในช่วงทศวรรษ 2420 เป็นต้นมา ทำให้มีกลุ่มพ่อค้าพม่า ตองสู่ กุหล่า และแรงงานอีสานจำนวนมากอพยพเข้ามาประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจการขุดพลอยในบริเวณดังกล่าว ประกอบกับนโยบายของรัฐต่อการพัฒนาเส้นทางการค้าผ่านทางช่องตะโกในระยะต่อมายิ่งกระตุ้นให้การค้าภายในขยายตัวมากยิ่งขึ้น ปัจจัยดังกล่าวไม่เพียงแต่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการขยายตัวของชุมชนในเขตพื้นที่ตอนในด้วย
ในด้านการค้าทางทะเล จันทบุรีมีบทบาทเป็นเมืองท่าการค้าที่มีเครือข่ายการค้าสำคัญอยู่ในบริเวณเมืองท่าชายฝั่งทะเลในอ่าวสยามและคาบสมุทรอินโดจีน ความสำคัญของจันทบุรีในฐานะเมืองท่าการค้าที่มีบทบาทสำคัญในช่วงต้นรัตนโกสินทร์อยู่ที่การรวบรวมสินค้าเครื่องเทศและของป่าจากดินแดนตอนในของเขมรและญวนเพื่อส่งไปจำหน่ายยังตลาดจีนด้วยเรือสำเภา ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงบทบาททางการค้าของจันทบุรีในช่วงต้นทศวรรษ 2440 ได้แก่การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการเดินเรือจากเรือสำเภามาสู่เรือกำปั่นและเรือกลไฟที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีระวางบรรทุกมากขึ้น ทำให้จันทบุรีมีข้อจำกัด คือ เรือสินค้าขนาดใหญ่ไม่สามารถเทียบท่าได้ จันทบุรีเริ่มปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยการใช้ระบบการขนส่งสินค้าด้วยเรือเมล์ของบริษัทเดินเรือตะวันตกที่มีบทบาทอยู่ในเส้นทางเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออกตั้งแต่ทศวรรษ 2440 จนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำหน้าที่รวบรวมสินค้าพื้นเมืองส่งเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อบรรทุกลงเรือใหญ่ส่งออกไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ
ขณะที่การค้าระหว่างจันทบุรีกับเมืองท่าชายฝั่งในคาบสมุทรอินโดจีน มีลักษณะเป็นการค้าชายแดน เรือสินค้าสามารถติดต่อค้าขายกันได้ตลอดปีโดยไม่ต้องรอลมมรสุม สาเหตุที่การค้าในแถบนี้ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ไม่ขยายตัวเท่าที่ควรเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศสยามกับญวน อัตราเก็บภาษีการค้าจากพ่อค้าต่างชาติที่เมืองท่าของญวนสูงมาก ประกอบกับฝรั่งเศสเข้ายึดครองดินแดนเขมรและญวนบางส่วน การค้าชายฝั่งทะเลกับเมืองท่าชายฝั่งในคาบสมุทรอินโดจีนเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงที่ฝรั่งเศสเข้ายึดครองจันทบุรีและตราด (พ.ศ.2436-2449) มีการลักลอบนำสินค้าไม่เสียภาษี อาทิ สุรา ฝิ่น จากไซ่ง่อนนำเข้ามาจำหน่ายในจันทบุรีโดยกลุ่มผู้ประกอบการชาวจีนที่เป็นคนในบังคับของฝรั่งเศส ปัจจัยด้านทำเลที่ตั้งของจันทบุรีที่เป็นเป็นเมืองท่าสุดท้ายของราชอาณาจักร ทำให้จันทบุรีมีลักษณะเป็นตลาดสินค้าเถื่อนและการลักลอบส่งออกสินค้าต้องห้ามต่าง ๆ
การสูญเสียดินแดนเขมรตอนใน ได้แก่ พระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณให้กับฝรั่งเศสในปี พ.ศ.2449 ส่งผลให้การค้าภายในและการค้าชายฝั่งทะเลของจันทบุรีซบเซาลงประกอบกับนโยบายของรัฐต่อการพัฒนาระบบการคมนาคมทางบกแบบสมัยใหม่ไปถึงจันทบุรีช้ามากเมื่อเทียบกับพื้นที่ในเขตลุ่มแม่น้ำบางปะกง โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟที่จะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่นกลับไปไม่ถึงจันทบุรี