สารนิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2543
ทัศนะในการมองสังคมจีนของหลู่ซิ่น: ศึกษาจากงานเขียน
โดย ณปรัชญ์ บุญวาศ
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:117442

บทคัดย่อ

           ประวัติศาสตร์จีนในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงที่มีความวุ่นวายสับสนเป็นอันมากจากความพยายามแผ่อิทธิพลของตะวันตก ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมหาอำนาจตะวันตกต้องการที่จะเข้ามามีอำนาจครอบครองจีนโดยทั่วไป ดังนั้นจึงมีกลุ่มปัญญาชนที่ได้รับการศึกษาแผนใหม่หรือได้รับการศึกษาจากต่างประเทศกลุ่มหนึ่งที่มีความเห็นว่า ความคิดและระบบในสังคมจีนขณะนั้นไม่เหมาะสมที่จะดำรงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลัทธิขงจื๊อ” คนกลุ่มเหล่านี้รวมตัวกันเผยแพร่แนวความคิดใหม่ๆ ที่มีการเรียกชื่อกันในภายหลังว่า “ขบวนการวัฒนธรรมใหม่” หลู่ซิ่นก็เป็นปัญญาชนคนสำคัญในขบวนการนี้ด้วย เขาเน้นการเผยแพร่แนวความคิดของตนโดยผ่านงานเขียนทั้งในรูปของเรื่องสั้นและบทความ อันเป็นที่มาของสารนิพนธ์เรื่องนี้
           ในการศึกษาสารนิพนธ์เรื่อง “ทัศนะในการมองสังคมของหลู่ซิ่น: ศึกษาจากงานเขียน” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงบริบทของสังคมจีนที่มีผลต่อการก่อตัวของแนวความคิดหลู่ซิ่น และศึกษาถึงทัศนะและความคิดในการมองสังคมจีนโดยผ่านงานเขียนต่างๆ โดยเน้นงานเขียนประเภทบทความของเขา ซึ่งในการศึกษาครั้งนี้ ได้ผลการศึกษาดังนี้
           บริบทของสังคมจีนมีส่วนหล่อหลอมแนวความคิดของหลู่ซิ่นในหลายระยะ ในระยะแรกคือช่วงตั้งแต่ ค.ศ. 1903-1917 ในช่วงนี้หลู่ซิ่นมีความสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์ค่อนข้างมาก โดยจากพื้นเพเดิมที่เขาได้รับการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่สถาบันเจียงหนาน และการศึกษาแพทย์ศาสตร์ที่ญี่ปุ่น จากการที่หลู่ซิ่นได้รับการศึกษาในสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ส่งผลให้เขาเห็นว่าวิทยาศาสตร์จะเป็นสิ่งที่ใช้แก้ปัญหาความล้าหลังของคนในสังคมในขณะนั้น ดังนั้นในระยะนี้หลู่ซิ่นจึงเขียนงานที่มีเนื้อหาเกี่ยวพันกับวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมาก
           ในช่วงที่สองคือตั้งแต่ ค.ศ. 1918-1925 งานเขียนของหลู่ซิ่นในช่วงนี้เขียนภายใต้บริบทของขบวนการวัฒนธรรมใหม่ ซึ่งมีแนวความคิดที่แพร่หลายคือ การนำเอาภาษาเขียนในแบบเรียบง่าย หรือ “ภาษาชาวบ้าน” (baihua) มาใช้ในการเขียนวรรณกรรมในรูปแบบใหม่ที่เรียกกันว่า “เรื่องสั้น” ในช่วงนี้เป็นช่วงที่หลู่ซิ่นมีงานเขียนประเภทเรื่องสั้นมากที่สุด ดังเช่นเรื่องสั้นเรื่อง “บันทึกประจำวันของคนบ้า” (Diary of a Madman, 1918) และเรื่องสั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาก็คือ “ประวัติชีวิตจริงของอาคิว” (The True Story of Ah Q, 1924) ในด้านเนื้อหาของงานเขียนบทความของเขาแสดงทัศนะโจมตีวัฒนธรรมประเพณีโบราณ โจมตีการยึดติดกับความเชื่อถือในลัทธิขงจื๊ออย่างเหนียวแน่น โดยไม่ยอมปรับเปลี่ยนโลกทัศน์ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้เนื้อหาที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งของหลู่ซิ่นก็คือการสนับสนุนการปฏิรูปวรรณกรรม โดยการสนับสนุนให้ใช้ภาษาชาวบ้านในการเขียนวรรณกรรมและการมุ่งเน้นการเขียนวรรณกรรมที่มีเนื้อหาในการสะท้อนและตีแผ่สภาพสังคม มิใช่มุ่งแต่เพียงเรื่องบันเทิงเริงรมย์
          ในช่วงที่สาม คือช่วงตั้งแต่ ค.ศ. 1926-1930 ในช่วงนี้เป็นช่วงที่หลู่ซิ่นเริ่มเขียนงานในประเภทบทความมากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากการเกิดเหตุการณ์ “18 มีนาคม 1926” อันเป็นเหตุการณ์การสังหารหมู่นักศึกษาของขุนศึกต้วนฉี่ยุ่ย ซึ่งลูกศิษย์ของหลู่ซิ่นหลายคนต้องถูกสังหารไปด้วย จากเหตุการณ์นี้ส่งผลให้หลู่ซิ่นเขียนงานที่มีเนื้อหาเกี่ยวพันกับการวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองมากยิ่งขึ้น และการลดงานเขียนเรื่องสั้น เนื้อหาของงานเขียนในช่วงนี้แสดงทัศนะโจมตีระบบการเมืองในขณะนั้นที่แตกแยกวุ่นวาย รวมถึงไม่มีความเป็นประชาธิปไตยอีกด้วย
          ในช่วงสุดท้าย คือช่วงตั้งแต่ ค.ศ. 1930-1936 คือในช่วงหลังจากการก่อตั้งสันนิบาตนักเขียนฝ่ายซ้ายจนถึงเสียชีวิต ในช่วงนี้หลู่ซิ่นเพิ่มงานเขียนบทความมากยิ่งขึ้นอีก รวมทั้งเนื้อหาในบทความแสดงทัศนะโจมตีในทางการเมืองรุนแรงมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการโจมตีนโยบายของเจียงไคเช็คที่มุ่งเน้นแต่การปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์ โดยไม่สนใจจะขับไล่ญี่ปุ่นที่เข้ามารุกรานจีน นอกจากนี้ยังเน้นเนื้อหาการโจมตีความไม่เท่าเทียมกันของชาวจีนที่มีอยู่อย่างเข้มข้นในสังคมอีกด้วย