วิทยานิพนธ์ระดับปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ปี 2565
เมื่อจักรพรรดิราชหลั่งน้ำตา: ปัญหาการได้และเสียดินแดนของสยาม
โดย ฐนพงศ์ ลือขจรชัย
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:311804
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มุ่งศึกษาปัญหาการได้และเสียดินแดนของสยามผ่าน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.ชาติไทย 2.ระบบเขตแดน และ 3. เอกราชของสยาม สำหรับสองประเด็นแรกนั้น ใช้วิธีวิทยาทางประวัติศาสตร์เพื่อสำรวจว่าชาติไทยและระบบเขตแดนของสยามเปลี่ยนผ่านจากระเบียบโลกแบบจารีตไปสู่ระเบียบโลกใหม่อย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อโต้เถียงเรื่องการได้และเสียดินแดนโดยใช้มุมมองของบุคคร่วมสมัย สำหรับเรื่องเอกราชของสยามนั้น ใช้วิธีแยกแยะหลักฐานตามความรับรู้ของสยามและฝรั่งเศส เพื่อหาว่าแต่ละฝ่ายรับรู้ปัญหานี้อย่างไรและเชื่อมโยงกับเรื่องการได้หรือเสียดินแดนหรือไม่
จากการศึกษาพบว่า ในการปกครองแบบจารีต สยามรับรู้และสามารถระบุเขตแดนของตนได้เป็น 2 ระดับ คือ 1. ในระดับบนสุด ชนชั้นปกครองรู้ดีว่าเมืองใดอยู่ภายใต้อำนาจของตน และ 2. ในระดับท้องถิ่น ขอบเขตของเมืองเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปของชาวบ้าน การเจรจาเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศสนั้นเคร่งครัดอยู่บนพื้นฐานของเขตแดนรัฐจารีตที่ดำรงอยู่ มิได้เจรจาบนพื้นฐานของการปกครองแบบมณฑล (mandala) อย่างไรก็ดี ในกรณีของฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง เขตแดนรัฐจารีตของสยามและเวียดนามไม่ได้ประชิดกัน แต่มีพื้นที่ว่างขั้นกลางระหว่างรัฐ เมืองในพื้นที่ดังกล่าวถูกรับรู้ว่าเป็นเมืองสองฝ่ายฟ้าที่ต้องส่งบรรณาการให้สยามและเวียดนาม กล่าวคือ ไม่ได้เป็นเมืองของรัฐใดอย่างชัดเจน
การเจรจาระหว่างสยามและฝรั่งเศสจึงใช้เทคนิคทางการทูตและนโยบายทางการเมืองในการจะใช้พื้นฐานเขตแดนรัฐจารีตที่ดำรงอยู่ พวกเขาล้มเหลวและตามมาด้วยวิกฤติปากน้ำ ค.ศ.1893 ในท้ายที่สุดสยามพ่ายแพ้และต้องเพิกถอนการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมด ต่อมาเมื่ออังกฤษตัดสินใจกดดันให้ฝรั่งเศสประกันเอกราชของสยามในปฏิญญาอังกฤษ-ฝรั่งเศส ค.ศ.1896 อำนาจต่อรองของสยามและท่าทีของฝรั่งเศสจึงเปลี่ยนไป นำมาสู่การเจรจาอีกหลายครั้งเพื่อแก้ไขเขตแดนทางน้ำในแม่น้ำโขงที่เกิดขึ้นตามลำดับ การเจรจาได้ถูกขัดจังหวะภายหลังการปฏิวัติสยาม ค.ศ.1932 ความรู้สึกชาตินิยมไทยได้กำเนิดขึ้นใหม่ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากขบวนการชาตินิยมที่กำลังเติบโตในอินโดจีน พร้อมกับระบุว่าฝรั่งเศสได้เอา “ดินแดนของชาติไทย” ไป และยกระดับปัญหาเขตแดนให้กลายเป็นปัญหาเอกราชของสยาม ความเข้าใจใหม่นี้ถูกวิพากษ์ในงานวิชาการยุคหลังว่าเป็นความเข้าใจผิดและเป็นเพียงวาทกรรม สิ่งนี้ทำให้เกิดการโต้เถียงกันอย่างกว้างขวางต่อ “ปัญหาการได้และเสียดินแดนของสยาม” จนถึงปัจจุบัน