วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิต ปี 2565
ประวัติศาสตร์กลุ่มศิลปินหญิง (เกิร์ลกรุ๊ป) ไทย: รูปแบบธุรกิจกับการสร้างศิลปิน-ไอดอล, พ.ศ. 2525-2563
โดย ธนะปิติ ธิป๋า
ดาวน์โหลดได้ที่ https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:306964
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์ชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษา 2 ประการ ได้แก่ ประการแรก เพื่อศึกษาพัฒนาการของกลุ่มศิลปินหญิง (เกิร์ลกรุ๊ป) ไทย ประการที่สอง เพื่อศึกษาและวิเคราะห์การสร้างและแนวทางการนำเสนอกลุ่มศิลปินหญิง (เกิร์ลกรุ๊ป) ไทย ภายใต้ปัจจัยและบริบททั้งภายในและภายนอกในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยศึกษากลุ่มศิลปินหญิง (เกิร์ลกรุ๊ป) ไทย ที่ปรากฏระหว่างปี พ.ศ. 2525-2563 ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ผ่านการสืบค้นข้อมูลจากเอกสารชั้นต้นและชั้นรอง ทั้งรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำมาวิเคราะห์เกิร์ลกรุ๊ปไทยในแต่ละช่วงเวลา แล้วจึงนำเสนอในรูปแบบการพรรณนาวิเคราะห์
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มศิลปินหญิง (เกิร์ลกรุ๊ป) ไทย มีจุดเริ่มต้นในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการเกิดขึ้นของธุรกิจดนตรีในประเทศไทยที่เริ่มปรากฏค่ายเพลงเพื่อสร้างศิลปินและผลิตงานเพลงออกสู่สาธารณชน ทั้งนี้ สามารถแบ่งการอธิบายเกิร์ลกรุ๊ปไทยออกได้เป็น 3 ช่วง ดังนี้
ช่วงแรก (พ.ศ. 2525-2537) เมื่อค่ายรถไฟดนตรีสร้างศิลปินกลุ่มวัยรุ่นคือ สาว สาว สาว ซึ่งไม่เพียงเป็น “เกิร์ลกรุ๊ป” รายแรกของวงการเพลงไทย แต่ยังเป็นที่รู้จักแพร่หลายผ่านงานเพลงซึ่งได้รับความนิยมแพร่หลาย จนนำไปสู่ยอดจำหน่ายเทปอัลบั้มบางชุดที่ทำได้หลักแสนตลับ, การขึ้นแสดงในรายการคอนเสิร์ตที่มีชื่อเสียงอย่าง โลกดนตรี กับ 7 สีคอนเสิร์ต ตลอดจนการขึ้นหน้าปกนิตยสารวัยรุ่นและมีผลงานบันเทิงอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เกิร์ลกรุ๊ปมีจำนวนไม่กี่ราย อีกทั้งยังปรากฏในวงการเพลงไทยไม่กี่ปี โดยเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ นโยบายของค่ายเพลงแต่ละแห่ง ค่านิยมของผู้ใหญ่ที่มีต่อการเป็นศิลปินในวัยเรียน และกระแสดนตรีสมัยนิยมจากภายนอกที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจดนตรีของค่ายเพลงไทยบางแห่ง
ช่วงที่สอง (พ.ศ. 2538-2549) ค่ายเพลงสองแห่งคือ แกรมมี่และอาร์เอส ต่างมีบทบาทและอิทธิพลต่อวงการเพลงไทย ขณะเดียวกัน ต่างหันมาสร้างศิลปินวัยรุ่นที่มีหน้าตาดีและมีเสน่ห์ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่ได้นำเอาวัฒนธรรมสมัยนิยมจากต่างประเทศ ได้แก่ แนวดนตรี ท่าเต้น การแต่งกาย แต่งหน้า ทำผม มาเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอศิลปินที่อาศัยรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นเป็นจุดขาย ด้วยเหตุนี้ เกิร์ลกรุ๊ปจึงปรากฏในตลาดเพลงไทยต่อเนื่องทั้งที่มาจากสองค่ายเพลงรายใหญ่กับค่ายเพลงขนาดกลางถึงเล็ก โดยมีความหลากหลายตั้งแต่การเข้ามาเป็นสมาชิก รูปแบบการนำเสนอทั้งงานเพลงและภาพลักษณ์ศิลปินที่ล้วนสอดคล้องกับกระแสความนิยม ณ ช่วงเวลานั้น ทั้งนี้ เกิร์ลกรุ๊ปที่อยู่ในสังกัดสองค่ายเพลงรายใหญ่เป็นที่รับรู้และจดจำได้มากกว่าที่อยู่ในสังกัดค่ายเพลงอื่น ๆ เนื่องด้วยทั้งสองค่ายเพลงต่างมีสื่อประชาสัมพันธ์ครอบคลุมทั้งวิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ ฯลฯ แต่ขณะเดียวกันก็มีเกิร์ลกรุ๊ปเพียงไม่กี่รายที่สามารถยืนระยะในวงการเพลงได้ต่อเนื่อง ทั้งด้วยการมีผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมในวงกว้างจนถึงการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัย ตลอดจนดึงดูดความสนใจของสื่อและผู้บริโภค
ช่วงที่สาม (พ.ศ. 2550-2563) ธุรกิจดนตรีในประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากระบบแอนะล็อกที่อาศัยรายได้หลักจากการจำหน่ายเทปและซีดี สู่ระบบดิจิทัลทั้งในส่วนการผลิตและการนำเสนอผลงานเพลงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ มิวสิคสตรีมมิ่ง รวมทั้งเว็บไซต์ยูทูบที่กลายเป็นช่องทางหลักของค่ายเพลงจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งเป็นช่วงที่ค่ายเพลงรายใหญ่ทั้งแกรมมี่และอาร์เอส ต่างหันมาทำช่องโทรทัศน์ของตน ขณะที่เกิร์ลกรุ๊ป ตลอดช่วงทศวรรษ 2550 แม้จะยังมีกระบวนการสร้างและผลิตงานเพลงที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้านี้ แต่ด้วยอิทธิพลของกระแสเค-ป๊อปที่ครองพื้นที่สื่อและความสนใจของคนไทย จึงส่งผลให้เกิร์ลกรุ๊ปไทยส่วนใหญ่ปรากฏในวงการเพลงได้เพียงไม่กี่ปี อีกทั้งบางรายถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับการเลียนแบบศิลปินต่างชาติ จึงไม่ได้รับความสนใจจากเพื่อนร่วมชาติเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม เข้าสู่ทศวรรษ 2560 ด้วยกระแสความนิยมของเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย ในวงการเพลงไทย ตลอดจนความสำเร็จของ BNK48 ไม่เพียงทำให้ธุรกิจไอดอลสไตล์ญี่ปุ่นเป็นที่รู้จัก ทั้งยังนำไปสู่การเกิด “ไอดอลเกิร์ลกรุ๊ป” จำนวนมาก รวมถึง “ที-ป๊อป เกิร์ลกรุ๊ป” ซึ่งยังคงอาศัยเพลงเป็นจุดขาย แต่เกิร์ลกรุ๊ปไทยทั้งสองรูปแบบต่างอาศัยสื่อสังคมออนไลน์ อาทิ เฟซบุ้ก, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ ฯลฯ ตลอดจนการวัดความนิยมของเพลงผ่านจำนวนผู้ฟังในมิวสิคสตรีมมิ่ง และจำนวนผู้เข้าชมมิวสิควิดีโอในเว็บไซต์ YouTube ทั้งนำไปสู่การปรากฏตามอีเวนท์ต่าง ๆ นอกจากนี้ สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปและไอดอลจำนวนหนึ่งยังปรากฏผลงานบันเทิงแขนงต่าง ๆ ทั้งในสื่อออนไลน์และสื่อที่เคยเป็นกระแสหลักมาแต่เดิมอย่างโทรทัศน์
จากผลการศึกษาที่ปรากฏในวิทยานิพนธ์เล่มนี้ จะเป็นแนวทางเบื้องต้นสำหรับผู้สนใจนำไปศึกษาต่อยอดเกี่ยวกับกลุ่มศิลปินหญิง (เกิร์ลกรุ๊ป) ไทย ในมิติอื่น ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อวงการเพลงไทยสมัยนิยม (ที-ป๊อป) ทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป